อ่านตรงนี้ก่อน :: 11 May 2002 :: ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ? ::
 
5 เรื่องล่าสุด
 
เรื่องเก่าๆ แบ่งตามหัวข้อย่อย
English
SGfSE
@Work
F.L.T.  **Update**
Health
Miscellaneous
 
แสดงความคิดเห็น
เกสต์บุ๊ค
เว็บบอร์ด
 
ผู้สนับสนุน
ไดอารี่แลนด์
 
:: English (from Webboard) ::

จากเว็บบอร์ดภาษาอังกฤษ


nitchawan
YaBB Administrator
ทำยังไงจะเก่งภาษาอังฤษ? -- เราก็ไม่รู้เหมือนกัน :P
« on: May 11th, 2002, 9:25am »

มีคนชอบมาถามเราว่าทำไมเราภาษาอังกฤษดี เพราะไปเรียนต่างประเทศหรือเปล่า เราว่ามันมีส่วนเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด อีกส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเราไม่ ชอบที่จะเป็นคนไม่รู้เรื่อง เราจะไม่ค่อยยอมปล่อยวางอะไรไปถ้าเรายังไม่เข้าใจมัน แถมเราเป็นคนชอบจับผิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถที่จะไม่พยายามหา เหตุผลกับเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ได้
 
ภาษาอังกฤษก็เหมือนกับภาษาอื่นๆ ทั่วๆ ไปที่มีอยู่ได้เพราะมีคนใช้มัน ถ้าไม่มีคนใช้ภาษาก็ตายไป และเมื่อไหร่ที่มันมีคน เข้ามาเกี่ยวข้องมันมักจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และบ่อยครั้งเป็นเรื่องที่เหตุผลอะไรมาเกี่ยวข้องเลย เพราะฉะนั้นเวลาที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เวลาที่เราเจออะไร ใหม่ๆ เราจะพยายามทำความเข้าใจมัน ดูว่ามันหมายความว่าอะไร ใช้กับสถานการณ์ไหนอย่างไร และเวลาที่เราเจอคำหรือประโยคที่มันสวนกับหลักการที่เราเคยเรียนมา เราก็มัก จะไม่ค่อยซีเรียสกับการหาเหตุผลว่า ทำไมมันเป็นแบบนั้น เราก็แค่ยอมรับว่ามันเป็นแบบนั้น ก็ภาษาไทยที่เป็นภาษาพ่อภาษาแม่ของเรา ก็ยังมีตั้งเยอะแยะ ที่เราใช้กันไม่มีเหตุผล หรือผิดไวยกรณ์ แต่เราก็ใช้กัน ถามว่าทำไมถึงใช้แบบนั้น ก็เห็นตอบได้แค่ว่า ก็เขาใช้กันแบบนี้ คนที่พูดภาษาอังกฤษก็เป็นมนุษย์ขี้เหม็นเหมือนกัน ก็จะมีความไร้เหตุผลในการ ใช้ภาษาไม่ต่างไปจากเราหรอก
 
อย่างไรก็ตาม ไหนๆ เราก็ตั้งใจทำบอร์ดนี้ขึ้นมาเพื่อหวังว่ามันจะช่วยให้พวกเราใช้ภาษาอังกฤษกั นได้ดีขึ้น เราก็เลยลอง พยายามสรุปว่าจะเรียนภาษาอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ เราคิดว่าเรามีคำแนะนำไว้แบบนี้
 
๑. เรียนรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ไวยากรณ์ต่างๆ ของภาษา และ พยายามใช้ภาษาให้ถูกต้องตามไวยากรณ์
ข้อนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับการเรียนภาษา มันเป็นเหมือนยาขม แต่สำหรับภาษาอังกฤษเราคิดว่าไม่ค่อยน่าจะมี ปัญหาสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ เพราะเราเรียนกันมาเยอะมาก ถึงแม้จะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็เรียนผ่านหูผ่านตากันมาเยอะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราไม่รู้ไวยากรณ์ แต่เรารู้สึกว่า คน ส่วนใหญ่จำไวยากรณ์ต่างๆ เอาไว้ใช้เฉพาะตอนสอบเท่านั้น พอต้องมาพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษนอกห้องสอบ กลับลืมไวยากรณ์ไปหมด และเราไม่ได้หมายถึงไวยากรณ์ยากๆ อย่างสถานการณ์ไหน ควรจะใช้ประโยคในรูป “Future perfect continuous” แต่เป็นเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น ทุกคนรู้ดีว่า ภาษาอังกฤษมีการเปลี่ยน Tense ของคำกริยาเวลาบอกเล่า เรื่องราวต่างๆ แต่เราก็มักจะลืมมันไป ทำให้เราได้ยินประโยคประเภท “I go to the movie yesterday” หรือ “I watch soap opera on TV last night” อยู่บ่อยๆ  
อีก อย่างที่เราอยากจะเน้นคือ การเก่งภาษาเกิดได้จากการฝึกฝนใช้ให้บ่อยจนชิน เพราะฉะนั้นถ้าเราพยายามใช้ภาษาให้ถูกต้องเสมอ เราก็จะชินกับมัน แต่ถ้าเราใช้ไม่ถูกต้องเสมอ เราก็จะชินกับการใช้ภาษาผิดๆ มันอาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างยากในตอนแรกๆ ที่จะต้องมาคอยจดจำกฎเกณฑ์ต่างๆ และพยายามใช้ให้ถูก จนบางคนอาจจะรู้สึกเกร็งและเบื่อ แต่ค่อยๆ ฝึกค่อยๆ ทำไปมันก็จะได้เอง
 
๒. กฎทุกกฎมีข้อยกเว้น  
อันนี้คล้ายๆ กับที่เราเขียนไปแล้ว ว่าบางครั้งภาษามันก็เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล เพราะฉะนั้นมีกฎได้ก็มีการไม่เป็นตามกฎได้ เราว่าเวลาที่เราเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ครูของเราก็จะสอนทั้งกฎและข้อยกเว้นไปพร้อมๆ กัน อันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวจำได้มาก น้อยต่างๆ กันไป แต่ที่เราอยากจะเน้นตรงนี้คือ อยากให้ทำใจเปิดกว้างและนึกไว้ตลอดเวลาที่เรียนภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ ก็ตาม) ว่าทุกอย่างมีข้อยกเว้น อย่างที่เขาพูดกันว่า “Rules are made to be broken” มันจะช่วยให้เราเข้าใจอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ถูกกฎเกณฑ์เงื่อนไขมาบีบกรอบความคิดของเราเอาไว้มากเกินไป  
 
๓. อย่าแปล (หรือจะแปลดี?)
ส่วนใหญ่พวกครูภาษาอังกฤษจะสอนว่า อย่าแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย (หรือแปลไทยเป็นอังกฤษ) เพราะมันจะช้าและมันจะ ผิด อย่างที่เรายกตัวอย่าง “Water is evening... evening!!!” ไปแล้ว อันนั้นเป็นตัวอย่างว่าทำไมไม่ควรแปล แต่ในอีกมุมหนึ่งเรากลับคิดว่าบางทีการแปลอาจเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเราเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ ๒ ยังไงๆ ท้ายที่สุดการคิดการทำความเข้าใจของเราก็ยังเป็นภาษาแรกคือภาษาไทยอยู่ดี เวลาที่เราเจอภาษาอังกฤษที่เราไม่รู้จักมาก่อน แล้วต้องทำความเข้าใจกับมัน เราก็จะต้องแปลมาเป็นภาษาไทยก่อน เพราะไม่งั้นเราก็ไม่เข้าใจมัน เวลาที่เราจะพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษเราก็คิดเป็นภาษาไทย แล้วก็ค่อยแปล เป็นภาษาอังกฤษ  
แต่เราต้องเน้นอยู่อย่างหนึ่งว่า คำว่า “แปล” ของเราไม่ได้หมายถึงการแปลตามตัวอักษร แต่เป็นการแปลความหมาย อย่างเราต้องการจะเล่าว่า เย็นนี้เราจะไปกินข้าวกับเพื่อน เราก็จะแปลไปเป็นภาษาอังกฤษ ว่า “I will have dinner with my friends this evening.” นี่คือการแปลความหมาย แต่ไม่ได้แปลคำต่อคำ (This evening I will eat rice with my friend) ซึ่งการแปลความหมายมันยากกว่าการแปลคำต่อคำมากๆ ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ (ถ้ามันเป็นศาสตร์อย่างเดียว คงมีคนคิดเครื่องมือ แปลภาษาขึ้นมาได้แล้ว และเราก็แค่เอามันไปสแกนหนังสือภาษาอังกฤษ แล้วให้มันแปลเป็นอีกภาษาหนึ่งได้อัตโนมัติได้เลย) ซึ่งก็ต้องอาศัยการเรียนรู้และการฝึกฝน
 
เราตั้งใจว่าจะเขียนให้กระชับและเข้าใจง่าย แต่พออ่านๆ ทวนดูแล้วรู้สึกว่ายืดยาวและวกวนไปมาชะมัดเลยเอาเป็นว่าพอก่อนดีกว่า เดี๋ยวไว้คิดอะไรได้อีกค่อยมาเพิ่ม เติมทีหลังดีกว่า

Mrs.Rose
YaBB Newbie
Re: ทำยังไงจะเก่งภาษาอังฤษ? -- เราก็ไม่รู้เหมือนกั
« Reply #1 on: May 13th, 2002, 9:26pm »

กฏข้อ 1 เป็นประจำเลย ใช้ผิดๆถูกๆประจำ ต้องคอยแก้ไขพูด 2-3 ทีเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าฃลิ้นมันแข็งๆ พูดติดๆเรื่อยแลย เลยเป็นปัญหา เพราะไหนจะต้องห่วงไวยากรณ์ ไหนต้องห่วงเรื่องการออกเสียงแต่ละคำ เฮ้อ  
 
ดี หน่อยที่มีกฏข้อ 2 ให้ผ่อนคลาย  
 
ส่วนกฏข้อ 3 ก็ใช่ เลย เพราะคำบางคำ ประโยคบางประโยคไม่รู้จะแปลยังไงดีให้เข้าใจแบบตรงเป๊ะทุกคำ ทุกวันนี้เวลาแปลให้พ่อแม่ฟังว่าลูกเขยพูดว่าอะไร ก็ต้องใช้วิชารอบเอวแปลอะไรที่ง่ายๆเอา  
 
แล้วแบบนี้จะพอเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องไหมเนี่ย  

pi
Guest
Re: ทำยังไงจะเก่งภาษาอังฤษ? -- เราก็ไม่รู้เหมือนกั
« Reply #2 on: May 14th, 2002, 4:23am »

เรียนต่างประเทศ ทำงานต่างประเทศ อาศัยอยู่ต่างประเทศอย่างเรายังไม่เก่งเลย