อ่านตรงนี้ก่อน :: Monday, Dec. 22, 2003 :: แฟร์มาต์ตอนที่ 8 - ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส ประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ::
 
5 เรื่องล่าสุด
 
เรื่องเก่าๆ แบ่งตามหัวข้อย่อย
English
SGfSE
@Work
F.L.T.  **Update**
Health
Miscellaneous
 
แสดงความคิดเห็น
เกสต์บุ๊ค
เว็บบอร์ด
 
ผู้สนับสนุน
ไดอารี่แลนด์
 
:: F.L.T. ::

ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส ประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช

เรื่องราวของทฤษฎีบทข้อสุดท้ายนั้นมีอายุเก่าแก่กว่าตัวแฟร์มาต์เองมาก มันเก่าแก่กว่าไดโอแฟนตัสเจ้าของผลงานที่แฟร์มาต์ได้ศึกษาและพยายามหาสรุปคำนิยามใหม่ๆ ด้วยซ้ำ

จุดกำเนิดของทฤษฎีบทที่ดูแสนจะธรรมดาแต่น่ามหัศจรรย์ใจข้อนี้มีความเก่าแก่พอๆ กับอารยธรรมของมนุษยชน มันมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมในยุคสำริดของชาวแบ็บบิลอนโบราณที่เกิดขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มเฟอร์ไทล์เครสเซ็นต์ใกล้แม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส

และในขณะที่ทฤษฎีบทของแฟร์มาต์เป็นแนวความคิดทางนามธรรมที่ไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมหรือคณิตศาสตร์ – ไม่สามารถแม้แต่จะนำไปใช้กับทฤษฎีจำนวนซึ่งเป็นสาขาเฉพาะในวิชาคณิตศาสตร์ – รากฐานของทฤษฎีบทข้อนี้กลับเป็นพื้นฐานในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปของชาวเมโสโปเตเมียในสมัย 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช

ในหุบเขาเมโสโปเตเมีย ช่วงเวลาตั้งแต่ 2,000 ปีถึง 600 ปีก่อนคริสต์ศักราชถือว่าเป็นยุคสมัยแห่งแบ็บบิโลเนียน ช่วงเวลานี้เราได้เห็นพัฒนาการอันยิ่งใหญ่ในทางวัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงการเขียน การใช้งานล้อเลื่อน และงานโลหะ ระบบคูคลองถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ในการส่งน้ำไปยังผืนดินอันกว้างใหญ่ระหว่างสองแม่น้ำ

ขณะที่ความเจริญรุ่งเรืองเพิ่มมากขึ้นในหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์แห่งแบ็บบิลอน คนโบราณซึ่งอาศัยอยู่ในที่ราบเหล่านี้ได้เรียนรู้การค้าขายแลกเปลี่ยนและสร้างเมืองที่มั่งคั่งอย่างแบ็บบิลอนและอูร์ (เมืองที่เอบราแฮมเกิด) แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ตอนปลายศตวรรษที่สี่ก่อนคริสต์ศักราชการเขียนตัวอักษรในรูปแบบโบราณได้เกิดขึ้นแล้วทั้งในหุบเขาเมโสโปเตเมียและลุ่มแม่น้ำไนล์

ที่เมโสโปเตเมียมีดินเหนียวอยู่มากมาย สัญญลักษณ์ที่เป็นรูปลิ่มได้ถูกจารึกด้วยเหล็กแหลมลงบนแผ่นจารึกดินเหนียว แผ่นจารึกดินเหนียวเหล่านี้ถูกนำไปเผาในเตาเผาหรือตากแดดให้แข็ง การเขียนในรูปแบบนี้เรียกว่า คิวนีฟอร์ม ซึ่งเป็นคำเรียกที่มาจากคำในภาษาลาตินว่า Cuneus หมายถึง ลิ่ม คิวนีฟอร์มนับเป็นการเขียนรูปแบบแรกที่เกิดขึ้นในโลกนี้

การค้าขายและการก่อสร้างในแบ็บบิลอนและอียิปต์โบราณทำให้เกิดความต้องการการวัดค่าที่แม่นยำ นักวิทยาศาสตร์สมัยต้นๆ ของสังคมในยุคบรอนซ์เอจได้เรียนรู้ที่จะประมาณค่าอัตราส่วนระหว่างเส้นรอบวงและเส้นผ่าศูนย์กลางของวงกลม ซึ่งทำให้พวกเขาได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกับค่าที่ปัจจุบันนี้เรียกว่าค่าไพ (Pi)

ผู้คนที่ก่อสร้างซิกกูแร็ตอันยิ่งใหญ่อย่าง หอคอยแห่งเบเบิลตามคัมภีร์ไบเบิล และสวนลอยฟ้าแห่งแบ็บบิลอน ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ ต้องการวิธีคำนวณหาพื้นที่และปริมาตร

« ตอนที่แล้วตอนต่อไป »


แม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส (Tigris and Euphrates Rivers) เป็นแม่น้ำในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ที่เป็นเส้นทางการคมนาคมหลักในสมัยโบราณ น้ำในแม่น้ำนี้เป็นต้นกำเนิดสำหรับการเพาะปลูกความอุดมสมบูรณ์และความเจริญของเมโสโปเตเมียในยุคโบราณ แม่น้ำไทกริสมีความยาวประมาณ 1,850 กม. เริ่มจากด้านตะวันออกของประเทศตุรกี ไหลไปทางตะวันออกเฉียงใต้ผ่านประเทศอิรักไปรวมกับแม่น้ำยูเฟรทีส แม่น้ำยูเฟรทีสมีความยาวประมาณ 2,735 กม. เริ่มต้นจากตอนกลางของประเทศตุรกีไหลผ่านประเทศซีเรียเข้าสู่ประเทศอิรักและไปรวมกับแม่น้ำไทกริส กลายเป็นแม่น้ำแช็ตอัลอาหรับ (Shatt Al Arab – ทางน้ำความยาวประมาณ 193 กม. อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอิรักไหลจากจุดรวมของแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีสไปลงอ่าวเปอร์เซีย เป็นส่วนหนึ่งของพรมแดนที่แบ่งประเทศอิรักและอิหร่าน สิทธิ์การครอบครองและเดินเรือในแม่น้ำเป็นกรณีพิพาทยืดเยื้อระหว่างสองประเทศ)

ยุคสำริด (Bronze Age) ยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักใช้โลหะสัมฤทธิ์ เป็นช่วงสมัยของวัฒนธรรมมนุษย์ที่อยู่ระหว่าง Stone Age (ยุคที่มนุษย์รู้จักประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้จากหิน) และ Iron Age (ยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักวิชาการเกี่ยวกับเหล็กกล้าและโลหะต่างๆ ) ลักษณะเด่นของยุคสัมฤทธิ์ คือ การใช้อาวุธและเครื่องมือต่างๆ ที่ทำจากสัมฤทธิ์ (โลหะผสมระหว่างทองแดงกับดีบุก)

แบ็บบิลอน (Babylon) เป็นเมืองหลวงของแบ็บบิโลเนียนโบราณในที่ราบลุ่มเมโสโปเตเมีย ถูกตั้งเป็นเมืองหลวงเมื่อประมาณ 1,750 ปีก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาถูกพวกอัซซีเรียน (Assyrian) ทำลายไปตอนประมาณ 689 ปีก่อนคริสต์ศักราช และได้รับการบูรณะให้มีความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งโดยกษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์ที่สอง (Nebuchadnezzar II) แบ็บบิลอนเป็นสถานที่ตั้งของสวนลอยฟ้า (Hanging Gardens) ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ (Seven Wonders of the Ancient World)

ที่ราบลุ่มเฟอร์ไทล์เครสเซ็นต์ (Fertile Crescent) ดินแดนในประวัติศาสตร์ของตะวันออกกลาง เป็นที่ราบลุ่มที่อุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่คร่อมพื้นที่ทางเหนือของทะเลทรายซีเรีย ทางตะวันตกเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันออกเป็นแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส ครอบคลุมเนื้อที่ของประเทศอิสราเอล เวสต์แบงก์ (West Bank) ประเทศจอร์แดน ประเทศเลบานอน ประเทศซีเรีย และประเทศอิรัก

เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส ในปัจจุบันคือประเทศอิรัก คาดว่ามีการตั้งถิ่นฐานกันตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งอารยธรรมมากมายในยุคต้นๆ ซึ่งรวมถึงอารยธรรมของซูเมอร์ (Sumer) แอ็กคาร์ด (Akkard) แบ็บบิโลเนีย (Babylonia) และอัซซีเรีย (Assyria) เมโสโปเตเมียมีความสำคัญลดลงหลังจากผู้บุกรุกชาวมองโกลได้ทำลายสิ่งก่อสร้างและระบบต่างๆ ไปอย่างมากมายในราวปีคริสต์ศักราช 1,258

อูร์ หรือ เออร์ (Ur) เป็นเมืองแห่งดินแดนซูเมอร์ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมโสโปเตเมีย เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของวัฒนธรรมซูเมอร์เรียนในช่วงหลังจาก 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช และเป็นสถานที่เกิดของเอบราแฮม เมืองอูร์ได้ล่มสลายลงหลังจากประมาณศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช

เอบราแฮม (Abraham) ตามคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระราชาคณะหรือพระสังฆราชองค์แรกในคริสต์ศาสนา และเป็นบรรพบุรุษของชาวยิว เป็นบิดาของไอแซ็ก (ผู้ถูกกำหนดให้เป็นคนที่ถูกบูชายัญสำหรับพระผู้เป็นเจ้า โดยการบูชายัญโดนขัดขวางในจังหวะสุดท้ายโดยการขัดขวางของเทพเจ้า)

คิวนีฟอร์ม (Cuneiform) คือ การเขียนที่มีลักษณะเฉพาะคือ ตัวอักษรที่เขียนจะเกิดจากการจัดเรียงองค์ประกอบของรูปลิ่มเล็กๆ เข้าด้วยกัน

ซิกกูแร็ต (Ziggurat) วิหารรูปทรงหอคอยของพวกอัซซีเรียนและแบ็บบิโลเนียนโบราณ มีรูปทรงเป็นปีรามิดที่มีระเบียงลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ

หอคอยแห่งเบเบิล (Tower of Babel) ตามความเชื่อในคัมภีร์ไบเบิลฉบับ Old Testament ผู้คนในโลกพยายามได้สร้างหอคอยแห่งเบเบิลขึ้นมา เป็นโบสถ์หรือมหาวิหารที่เป็นหอคอยหรือซิกกูแร็ตขนาดใหญ่เพื่อที่หอคอยแห่งนี้สูงขึ้นไปถึงสวรรค์

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ (Seven Wonders of the Ancient World) – ประกอบด้วย

1. The Great Pyramid of Giza – ปีรามิดแห่งเมืองกีซา อยู่ที่เมืองกีซ่าซึ่งป่าช้าใหญ่แห่งเม็มฟิสโบราณ ปัจจุบันคือรอบนอกของกรุงไคโร ประเทศอียิปต์

2. The Hanging Gardens of Babylon – สวนลอยฟ้าแห่งแบ็บบิลอน อยู่ที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรทีส ปัจจุบันอยู่ไปทางใต้ประมาณ 50 กม.จากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก

3. The Statue of Zeus at Olympia – รูปปั้นเทพเจ้าซูสที่เมืองโอลิมเปีย อยู่ที่เมืองโบราณแห่งโอลิมเปีย ในปัจจุบันคือชายฝั่งตะวันตกของประเทศกรีก ประมาณ 150 กม.จากกรุงเอเธนส์

4. The Temple of Artemis at Ephesus – มหาวิหารแห่งเทพีอาร์ทีมิสที่เอฟีซัส อยู่ที่เมืองเอฟีซัส ปัจจุบันอยู่ ไปทางใต้ประมาณ 50 กม.จากเมืองอิซเมียร์ (Izmir) ประเทศตุรกี

5. The Mausoleum at Halicarnassus – สุสานของกษัตริย์มอโซลัสที่ฮาลิคาร์นาสซัส อยู่ที่เมืองโบดรัม (Bodrum) หรือที่รู้จักภายหลังรู้จักในชื่อฮาลิคาร์นาสซัส (Halicarnassus) ใกล้กับทะเลเอเจียน (Aegean Sea) ด้านตะวันตกและใต้ของประเทศตุรกี

6. The Colossus of Rhodes – รูปปั้นโคลอสซัสแห่งโร้ดส์ อยู่ที่ปากอ่าวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่จะเข้าไปยังเกาะแห่งโร้ดส์ ในประเทศกรีก

7. The Lighthouse of Alexandria – ประภาคารแห่งอเล็กซานเดรีย อยู่บนเกาะโบราณแห่งแฟรอส (Pharos) ปัจจุบันคือแหลมที่เป็นส่วนหนึ่งของเมืองอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์

« อ่านเรื่อง เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆ ของโลก »